ทอดน่อง ท่อง"น่าน" ตอนที่ 2 :นิราศทุ่งช้าง - Namnan News

Post Top Ad

Responsive Ads Here

วันพฤหัสบดีที่ 18 มกราคม พ.ศ. 2561

ทอดน่อง ท่อง"น่าน" ตอนที่ 2 :นิราศทุ่งช้าง

ทอดน่อง ท่องน่าน ตอนที่ 2

นิราศทุ่งช้าง

รถหวานเย็น

"ทุ่งช้าง" ฟังชื่อแล้ว คงนึกภาพว่าต้องมีช้างเต็มไปหมดแน่ๆ แต่เปล่าเลย ที่มาของชื่อ "ทุ่งช้าง" มีผู้เล่าว่าชาวบ้านได้พบหินที่มีรูปร่างเป็นช้างอยู่ในห้วยเขตบริเวณบ้านทุ่งช้าง ชาวบ้านเลยเรียกชื่อหมู่บ้านและตำบล ตามสิ่งที่ได้พบเห็น ซึ่งจุดนั้นคือ บ้านทุ่งช้างในปัจจุบันนั่นเอง ตอนเด็กๆ ผู้เฒ่าผู้แก่ก็เคยเล่าให้ฟังเช่นเดียวกันนี้ แต่ก็ไม่เคยเห็นว่าหินรูปช้างนั้นอยู่ตรงส่วนไหน หากมีโอกาสคงได้ตามรอยและไปเก็บภาพมาฝากท่านผู้อ่านแน่ อีกทั้งหาก การเรียกที่แห่งนี้ ว่า "ทุ่งช้าง" เพราะมีช้างจำนวนมากนั้น คงต้องตัดทิ้งไปได้ เพราะผู้เขียนเองก็เห็นช้างเพียงไม่กี่ตัวหรอก ตั้งแต่เด็กจนอายุจะเลยวัยกลางคนแล้ว

"ทุ่งช้าง" เป็นอำเภอหนึ่งในจังหวัดน่าน มีระยะทางห่างจากอำเภอเมืองน่าน 86 กิโลเมตร จากอำเภอเมืองน่าน หากจะเดินทางไปอำเภอทุ่งช้าง ต้องเดินทางไปยังถนนสายน่านทุ่งช้าง ผ่านอำเภอท่าวังผา อำเภอปัว อำเภอเชียงกลาง และก็เข้าสู่ตัวอำเภอทุ่งช้าง พื้นที่ส่วนใหญ่เป็นภูเขา สลับกับที่ราบระหว่างเชิงเขา มีวิถีชีวิตที่เงียบสงบ และอาศัยการทำเกษตรกรรม ดำรงชีพเป็นหลัก การเดินทางโดยรถยนต์ส่วนตัวก็จะประมาณ 1.5 ชม. แต่หากนั่งรถประจำทาง ก็ จะประมาณ 2 ชั่วโมง ถึง 2 ชั่วโมงครึ่ง ก็จะนั่ง ชมวิวทิวทัศน์กันไป แบบไม่ต้องรีบร้อน เมื่อกล่าวมาถึงตรงนี้แล้ว อยากให้เห็นสภาพรถเมล์ประจำทาง ที่เป็นเอกลักษณ์สายนี้เลยทีเดียว เอาว่าผู้เขียนมีชีวิตมา 40 ปี ก็เห็นรถสายนี้แล้ว ได้นั่ง ได้โดยสาร มาตั้งแต่จำความได้ และจนปัจจุบันนี้ ก็ยังวิ่งให้บริการผู้คนที่สัญจรบนถนนสายนี้อยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน หากท่านได้มีโอกาสท่องเที่ยวและได้เดินทางไปอำเภอทางสายเหนือของเมืองน่านแล้วละก็ ไม่ได้ลองนั่งรถหวานเย็นดูสักครั้ง บอกเลยว่าพลาดบรรยากาศแบบคนเมืองน่านแน่นอน หากได้มีโอกาสมาเมืองน่านอยากได้ลองนั่ง เพื่อสัมผัสกลิ่นอายของเบาะนั่งที่มีคนนั่งมาแล้วหลายชั่วอายุ ได้เห็นสภาพรถที่ถูกซ่อม และดูแลโดยเจ้าของรถให้อยู่ในสภาพที่พร้อมใช้งานและให้บริการลูกค้า มีเบาะนั่งหลายแบบทั้งนั่งคู่นั่งเดี่ยว มีพัดลมติดเพดานซึ่งไม่ทราบว่า ยังใช้งานได้ปกติอยู่ไหม เมื่อก่อนอากาศร้อนๆ คนเยอะๆ พัดลมจะช่วยได้มากเลยทีเดียว ผู้เขียนบอกเลยว่า รถเมล์แต่ละคันก็มีเอกลักษณ์แตกต่างกันออกไปคนขับกระเป๋ารถเมล์ แต่ละคันก็ให้บริการแตกต่างกันไป ล่าสุดที่นั่งกลับบ้านคนขับก็อายุอานามเลย 50 กระเป๋ารถเมล์ ก็เลย50 เป็นป้าอายุเยอะแล้ว แต่เรี่ยวแรงดีที่รู้เพราะป้าช่วยเรายกกระเป๋า เมื่อก่อนหากเป็นช่วงเวลาเร่งด่วน หรือวันศุกร์เที่ยวสุดท้าย รถจะแน่นเอี๊ยด บ้างก็จะยืนโหนราวกันไป บางครั้ง 2 ชั่วโมงในการโดยสาร ท่านอาจจะไม่มีโอกาสได้เอาบั้นท้ายแตะเบาะนั่งเลยก็ได้ พูดมาถึงตรงนี้ ก็บอกเลยว่าอายุรถแต่ละคัน คงไม่น้อยกว่า อายุของผู้เขียนแน่ๆ และทุกครั้งที่ได้โดยสารรถประจำทาง จะมีเรื่องราวต่างๆ อยู่ในการเดินทางแต่ละรอบ ซึ่งผู้เขียนอาจจะมีโอกาสเอามาเล่าให้ฟังในโอกาสหน้า แต่วันนี้ อยากนำเสนอบทกลอนหนึ่งที่กล่าวถึง รถหวานเย็นสายนี้ ของ ส.สวรรค์เสก ที่อ่านแล้วทำให้รู้สึกและเห็นภาพตามไปด้วยเลยทีเดียว

ปู่ไม่ไหวแล้วหลานเอ้ยยย

โดย ส.สวรรค์เสก

_________________

จะยาวนานปานใดยังไม่รู้

จะยังอยู่คู่ถนนหรือพ้นผ่าน

จะวนเวียนเปลี่ยนผันกี่วันวาร

ฤๅดักดานนิ่งหลับดับเครื่องยนต์

ลมหายใจที่พ่นผ่านท่อไอเสีย

ร่างที่ถูกแดดเลียและเพลียฝน

ประตูข้างหน้าต่างขอบกรอบเหลือทน

สีหมองหม่นเหมือนคนเฒ่าเก่าชรา

ตีนดำดำที่ย่ำทางยางมะตอย

เคยฝากรอยตั้งแต่ทางอยู่กลางป่า

ฝ่าลูกรังดินแดงจนแรงล้า

จนตีนแตกลายงาชรายาง

ยังพอวิ่งได้อยู่จะสู้ทน

คอยรับคนตั้งแต่เช้าราวฟ้าสาง

อาจเป็นเที่ยวสุดท้ายถึงปลายทาง

อาจจะกลางทางดับไม่กลับคืนฯ

วันนี้ก็จบการทอดน่อง ท่อง"น่าน" กับการนิราศทุ่งช้างไปกับ รถหวานเย็นแต่เพียงเท่านี้แล้วพบกันใหม่ กับทอดน่อง ท่อง"น่าน" ในตอนต่อไปจ้าาาา

ฮักน่าน แอ่วน่าน อยู่อย่างน่านเจ้า

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

Post Bottom Ad

Responsive Ads Here