แค่พริบตาอาลีบาขายทุเรียน ได้ 80,000 ลูก ภายใน 1 นาที

วันนี้ทั้งวัน นั่งอ่านข่าว หลังนายแจ็ค หม่า มหาเศรษฐีชาวจีน ซีอีโอบริษัทอาลีบาบากรุ๊ป ได้เข้าพบ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมตรีไทย และได้ลงนามใน MOU กับรัฐบาลไทย เกี่ยวกับความร่วมมือด้านการค้าการลงทุน การขับเคลื่อนเศรษฐกิจดิจิทัล การจัดตั้งสมาร์ตดิจิทัลฮับในพื้นที่ระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (EEC) ฯลฯ นั้น ทันทีที่มีข่าวนี้ ก็มีข่าว ล่าสุด ออกมาว่าสำนักข่าวซินหัวของจีน รายงานว่า บริษัทอาลีบาบาได้ลงนามในข้อตกลงเป็นตัวแทนจำหน่ายทุเรียนหมอนทองกับรัฐบาลไทย มูลค่ากว่า 428 ล้านดอลลาร์ หรือกว่า 13,400 ล้านบาท ผ่านทางเว็บไซต์ทีมอลล์ (Tmall) โดยเมื่อวันพุธที่ผ่านมา 1 วันก่อนที่นายหม่าจะลงนามในเอ็มโอยูกับรัฐบาลไทย อาลีบาบาได้ขายทุเรียนหมอนทองมากกว่า 80,000 ลูก ทางเว็บไซต์ได้ในเวลาเพียง 1 นาที เท่านั้น ซึ่งสร้างความประหลาดใจอย่างยิ่งให้กับคนไทย โดยทุเรียนหมอนทองนับเป็นทุเรียนสายพันธุ์ที่ได้รับความนิยมมากที่สุด

ดูแล้วเป็นเรื่องน่าตื่นเต้น ที่เราจะสามารถขายสินค้าเกษตรของเราให้กับจีนได้ในเวลาเพียงเสี้ยวนาที ดูเหมือนจะเป็นข่าวดี แต่อย่าลืมว่า เมื่อ อาลีบา เข้าไปที่ไหนแล้ว นั่นหมายถึงว่า สินค้าจีนก็ตามมาถึงนั่น เหมือนเรื่องที่เราส่งออกข้าวไปเมืองนอก แต่เราก็ต้องนำเข้าสินค้านวัตกรรมต่างๆ เข้ามา เมื่อเทียบแล้วเราไม่ได้เปรียบดุลการค้าเลยแม้แต่น้อย แต่เราเสียดุลการค้าซะมากกว่า แต่เมื่อมีการลงนามกับรัฐบาลแล้ว คงได้แต่คิดว่า ผู้มีอำนาจคงไตร่ตรอง ดีแล้ว มองในแง่ของผู้บริโภค ถือว่าเรามีโอกาสมากขึ้นในการเลือกซื้อสินค้า แต่ถ้ามองในด้านของ ดุลการค้าระหว่างประเทศ และผลกระทบที่จะตามมาในระยะยาวนั้น น่ากลัวยิ่งนัก คงไม่ใช่แค่การค้าขายแลกเปลี่ยนสินค้าแน่นอน ที่จะเกิดการเปลี่ยนแปลงขนาดใหญ่ เรื่องระบบการเงินการธนาคารต่างๆ ระบบการขายออนไลน์ต่างๆ แม่ค้าออนไลน์ จะอยู่ไม่ได้ รากหญ้า จะอยู่อย่างไร ได้แต่หวังว่าจะไม่เป็นอย่างที่เรากลัวกัน แต่ก็คงได้แต่หวัง เพราะเส้นทางข้างหน้า ช่างชัดเจนเหลือเกิน ฝากเป็นแง่คิดสำหรับ รากหญ้าและนักธุรกิจออนไลน์รายย่อย รวมถึงสถาบันการเงิน ลิสซิ่งต่างๆ ในประเทศไทย คุณต้องปรับตัวอย่างมาก เตรียมตัวกันได้เลย