ทอดน่อง ท่อง “น่าน” ตอนที่ 3 : น่านสายเหนือ

หากใครได้อ่าน ตอนนิราศทุ่งช้างไปแล้ว จะรู้ว่าผู้เขียนได้พูดถึงเรื่องของรถเมล์ประจำทางสายน่านทุ่งช้าง หรือรถหวานเย็นในตำนานของเด็กสายเหนือไปแล้ว เมื่อก่อนรถเมล์จากออกจากท่ารถ ที่ตลาดบน เป็นท่ารถเก่า มีรถสายน่าน ปอน (ทุ่งช้าง) รถสายแพร่น่าน และเมล์ เขียว ปัจจุบันย้ายไปอยู่สถานีขนส่งแห่งใหม่ที่บ้านอภัยแล้ว วันนี้เรามานั่งรถหวานเย็น ไปเที่ยวน่านสายเหนือกันดีกว่า แล้วก็มาเข้าเรื่อง “น่านสายเหนือของเราซะที” สายเหนือ ก็จะเริ่มจาก อำเภอท่าวังผา ซึ่งจะห่างจากตัวเมืองน่านประมาณ 44 กิโลเมตร เมื่อตอนเด็กๆ หากนั่งรถถึงตัวอำเภอท่าวังผาแล้ว จะดีใจมาก เพราะเรียกได้ว่าครึ่งทางแล้ว อีกชั่วโมงเดียวก็จะถึงบ้าน ลองนึกภาพตามนะว่าบ้านคนเขียน อยู่อำเภออะไร ถ้าพูดถึงท่าวังผา แล้วละก็สิ่งที่ผู้เขียนนึกถึงสิ่งแรกเลยคือ “ข้าวหลาม” ถือว่าเป็นของขึ้นชื่อของชาวท่าวังผากันเลยทีเดียว ข้าวหลามนุ่มๆ หอมหวาน มีหลากหลายรส หลายไส้ ทำกันสดๆ ใหม่ๆ วางขายข้างทางให้นักท่องเที่ยวได้ซื้อไปฝาก เพื่อนพ้อง และ ด้วยความที่เมืองน่านมีแหล่งข้าวหลาวที่หอมอร่อยและ มีกระบอกที่ยาวเป็นเอกลักษณ์เฉพาะ เหมือนหลอดไฟนีออนรุ่นเก่า เลยเป็นที่เรื่องโจ๊ก เรียกชาวน่านว่า “น่านข้าวหลามแจ้ง” แล้วจะมาเล่าให้ฟังที่หลังละกัน ว่าทำไมถูกเรียกว่า “น่านข้าวหลามแจ้ง” นั่งรถผ่านมาตั้ง 44 กิโลเมตร เราก็ผ่านอำเภอท่าวังผามแล้ว ได้ลิ้มรสข้าวหลาม และ รู้ฉายาข้าวหลามแจ้งไปแล้ว เราก็นั่งรถมุ่งหน้าขึ้นเหนือ มาเพื่อจะพบเจอกับดงต้นเหลืองอินเดีย และต้นลมแล้งเหลืองอร่ามสองข้างทางระหว่างทางที่จะออกจากอำเภอท่าวังผาและมุ่งหน้าเข้าสู่อำเภอที่สองคืออำเภอปัว



อำเภอปัวอยู่ห่างจากตัวเมืองน่านประมาณ 60 กิโลเมตร เมืองนี้ถือว่าเจริญที่สุดรองลงมาจากอำเภอเมืองน่านเลยทีเดียว แถวมีทิวทัศน์และธรรมชาติที่สวยงาม ผู้เขียนจะชอบวิวตอนเข้าสู่ตัวอำเภอปัวเพราะเมื่อรถอยู่ขนจุดสูงสุดของถนนตรงสี่แยก แถวๆ หน้า ธนาคารกสิกร แล้วมองมุ่งตรงไปทางเหนือ จะเห็นวิวต้นหมากที่อยู่กลางทุ่งนาเขียวขจี และมีฉากหลังเป็นทิวเขาสูงเรียงราย ถ้าเป็นหน้าหนาว หรือช่วงปลายฝนต้นหนาว วิวตรงนั้นจะสดชื่น เขียวสด บนยอดทิวเขาจะมีเมฆหมอก คลุมยอดไว้ เขียวตัดด้วยปุยเมฆขาว สวยงามปานสวรรค์ หรือหากเจอช่วงที่ฝนตกปรอยๆ ก็ได้กลิ่นไอฝนที่พรมลงท้องทุ่งนากระทบจมูก ถ้าเป็นเด็กสายเหนือนั่งรถผ่านเส้นนี้ประจำ นึกภาพตามไปด้วยแล้วบอกเลยว่าฟิน ถ้าเป็นฤดูฝน ถ้าผ่านตรงนี้ไปจะเจอสะพานลำน้ำปัว ก็มักจะได้เห็นน้ำที่หลากล้นเกือบถึงคอสะพาน และท่วมนองท้องทุ่ง ต้นข้าวล้มลู่ไปตามแรงน้ำ เมื่อผ่านตรงนี้ไปก็มุ่งหน้าไปสู่อำเภอที่สาม คืออำเภอเชียงกลาง


อำเภอเชียงกลางอยู่ห่างอำเภอเมืองน่านประมาณ 76 กิโลเมตร ถ้านั่งรถส่วนตัว วิ่งสัก 80 กิโลเมตร /ชั่วโมงก็ไม่นานหรอกถึงเชียงกลาง ฉิว แต่ถ้านั่งรถหวานเย็นที่จอดรับส่งผู้โดยสารตลอดเส้นทางละก็นะ คิดเอาเถอะนั่งกันยาวไปจ้า รถก็จะวิ่งเข้าตัวอำเภอเชียงกลาง ผ่านศาลเจ้าพ่อพญาไมย ที่มีบ่อน้ำแร่ ที่ได้รับรองว่ากินได้ปลอดภัย เป็นแหล่งน้ำดื่มที่ชาวบ้านและอำเภอใกล้เคียงมารองน้ำไปใช่อุปโภคบริโภคกัน ผ่านจุดนี้แล้วก็จะเข้าสู่ตลาดเชียงกลาง ซึ่งมีของสดของแห้งขายอันตลอดทั้งวัน ถือว่าเป็นโรงอาหารใหญ่ของชาวเชียงกลางและทุ่งช้างเลยทีเดียว ผ่านตรงนี้ไปแล้ว ก็เดินทางไปสู่อำเภอที่สี่ คืออำเภอทุ่งช้าง

นั่งรถมุ่งหน้าต่อ พอออกจากเชียงกลางหมู่บ้านสุดท้ายของเชียงกลางที่ติดต่อกับอำเภอทุ่งช้างคือบ้านน้ำอ้อ (ป้ายภาษาอังกฤษเขียน Nam O)ผ่านบ้านนี้ไปก็จะขึ้นเนินสองลูก ก็เข้าเขตอำเภอทุ่งช้าง มีศาลเจ้าพ่อเสืออยู่ขวามือทีนี้ละก็ต้องตื่นจาก ภวังค์ เพื่อเดินออกจากที่นั่งมาบอกคนขับรถให้จอดให้พอดีกับทางเข้าบ้าน ระยะทางก็จะ 86 กิโลเมตร เป๊ะ พอดิบพอดี พอผ่านจุดนี้ไปเพียง 300 เมตร ก็จะเจอ อนุสรณีย์ พตท.ทุ่งช้าง อยู่ทางซ้าย มือ และด้านขวาจะเป็นอาคารอเนกประสงค์ และจะมีรูปปั้นช้างตัวใหญ่ๆ ยืนคอยต้อนรับท่านอยู่ทั้งฝั่งซ้ายและขวา ลงเนินอนุสรณีย์ไป ก็จะผ่านลำน้ำทุ่งกวาง เข้าสู่ตัวอำเภอทุ่งช้าง ทีนี้เราผ่านเนินที่จะลงไปยังบ้านน้ำและ ตรงนี้แหละไฮไลท์ ที่สวยอีกมุมของทุ่งช้าง ไม่รู้จะบรรยายยังไงดี ต้องมาเห็นเอง ส่วนตัวชอบมุมนี้ตอนเช้าประมาณ 6 โมงเช้าของหน้าหนาว หรือปลายฝนต้นหนาว ไอหมอกระเรื่อย แนวทิวเขาและท้องทุ่ง ลอยเอื่อยๆ มองตรงไปเห็น ตลาดอยู่ลิบๆ มีผู้คนเดินขวักไขว่ รถ มอเตอร์ไซด์จอดเรียงราย ได้บรรยากาศบ้านๆ ที่แสนอบอุ่น ตึกแถวสองข้างทางยังไม่เปิดให้บริการ ดูโล่งสงบ ผ่านบ้านน้ำและ บ้านเฟือยลุง บ้านสันกลาง บ้านดอน ไปแล้วก็จะขึ้นเนินไปบ้านเวียงสอง ทุ่งอ้าว ทุ่งสุน บ้านงอบก็จะไปยังจุดสิ้นสุดของรถหวานเย็น ที่บ้านปอน






แต่นี่ไม่ใช่ สิ้นสุดอำเภอสายเหนือนะ อำเภอสายเหนือของเรา ก็จะสิ้นสุดที่อำเภอเฉลิมพระเกียรติ หรือที่รู้จักกันในนาม ห้วยโก๋น ซึ่งจะติดกับชายแดนลาว หรือจุดผ่อนปรนไทยลาว นั้นเอง ถ้าจะไปอำเภอที่ห้าของสายเหนือต้องต่อรถ ประจำทางเส้นห้วยโก๋นไปต่อแล้วละจ้า ต่อจากนี้รถเมล์ไปต่อไปได้แล้ว เพราะจะเป็นทางขึ้นเขา และก็ขึ้นๆๆๆ โค้งหักศอกบ้างเป็นบางจุด แต่ถ้าไปเส้นนี้ถูกช่วงเวลา จะบอกว่า ทะเลหมอกสวยๆ จะเลื้อย เอื่อยรอให้ท่านเก็บภาพเก็บบรรยากาศมาอย่างเต็มอิ่มแน่นอน เอาเป็นว่ารถหวานเย็นเราขอจอดพัก ลงเพียงเท่านี้ ก่อนแล้ว เพราะวิ่งยาวมาตลอดทาง ไว้ขากลับ เราจะจอดแวะ ทอดน่อง เพื่อชมความงามของแต่ละอำเภอสายเหนือกันให้จุใจเลยทีเดียว
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น